การพัฒนาตัวเอง
ในโลกปัจจุบัน การขยายตัวของมนุษย์ในทุก ๆ ด้าน กำลังก้าวไปสู่จุดสูงสุด ที่ไล่เท่าทันกันทั้งโลก แต่ขณะดียวกันก็กำลังก้าวสู่จุดต่ำสุดของคุณธรรม ในยุคโลกาภิวัตน์ ที่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างต่อเนื่องอยู่เสมอนี้ ไม่ว่าจะเป็นใน เรื่องของ เทคโนโลยี การสื่อสาร สภาพเศรษฐกิจ และ ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่มีการส่งถ่ายถึงกันและกันเร็วขึ้น และจากการเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว นี้เองจึงเป็นเสมือน พลังผลักดัน ให้คนแต่ละคน ต่างต้องตระหนักถึง ความสำคัญของการเปลี่ยนแปลง อันทำให้เกิดการ พัฒนาตนเอง อย่างต่อเนื่องอยู่เสมอเพื่อให้ตนมีคุณภาพชีวิต มีความพร้อมรับมือกับ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ในวันหนึ่งโลกก็มีจุดจบของมันเองเช่นกัน เพราะน้ำมือของมนุษย์นั่นเอง
ผู้ที่พัฒนาตนเอง ย่อมเป็นบุคคลที่ ประสบความสำเร็จ ในตัวตน (จุดสูงสุดของตุณธรรม) และในหน้าที่การงาน ได้รับความก้าวหน้าใน สายอาชีพ ได้รับคำยกย่อง สรรเสริญมากกว่า ผู้ที่ทำงานอยู่ไปวัน ๆ โดยไม่สนใจที่จะ พัฒนา ความรู้และความสามารถของตนเอง ชอบทำงาน ตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย จากหัวหน้างานเท่านั้น ย่อมก้าวหน้าได้ยากเย็น
ดังนั้นหากคุณมีความอยาก และต้องการที่จะ ประสบผลสำเร็จในชีวิต คุณไม่ควรรอให้หัวหน้างาน องค์การ หรือผู้อื่นมาพัฒนาความรู้ ความสามารถ ของคุณเองในการทำงานเท่านั้น การเริ่มต้นที่จะ พัฒนาตนเอง โดยไม่พึ่งพาผู้อื่น เป็นสิ่งที่คุณควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง คุณต้องตระหนักอยู่เสมอว่า " ชีวิตคุณ คุณเป็นผู้เลือกที่จะลิขิต ให้เป็นไปตามกฏจากธรรมชาติของตัวเขาเอง หรือ เลือกเส้นทางใน การดำเนินชีวิตเอง " คุณอย่าปล่อยให้ผู้อื่นมาเป็น ผู้มีอิทธิพล และ ชี้นำการดำเนินชีวิต ของตัวคุณ คุณต้องนำพาตัวตนของคุณไปสู่การมีชีวิตกว่า มีชีวากว่า ผู้คนจำนวนมากในโลกที่ปล่อยเวลาผ่านไปวัน ๆ เท่านั้น คุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ย่อมเติบโตไปคู่กับกับจิตวิญญาณที่ถูกพัฒนาให้ดีกว่าววันนวานเสมอนั่นเอง
ความรู้ที่ฝังอยู่ในตัวตน ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาแค่ 4 เดือน ซึ่งมาคู่กับวิญญาณของทุกคนคน เป็นความรู้ที่เราอาจเรียกว่า พรสวรรค์หรือสัญชาติญาณของแต่ละบุคคลในการทำความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ เป็นความรู้ที่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดหรือลายลักษณ์อักษรได้โดยง่าย เช่น การรู้จักดี ชั่ว ยุติธรรม อยุติธรรม ความเห็นแก่ตัว ตั้งแต่วัยเด็ก เป็นต้น หรือทักษะในการทำงาน งานฝีมือ หรือการคิดเชิงวิเคราะห์ บางครั้ง จึงเรียกว่าเป็นความรู้แบบนามธรรม ส่วนความรู้ที่เรียกว่ารู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรม เป็นความรู้ที่สามารถรวบรวม ถ่ายทอดได้ โดยผ่านวิธีต่าง ๆ เช่น พฤติกรรมของตัวตนของผู้รู้เอง การบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ทฤษฎี คู่มือต่าง ๆ เพื่อถ่ายทอดไปยังผู้อื่นได้
สรุปคือ องค์ความรู้ของมนุษย์นั้น ฝังอยู่ในตัวตนของเขานั่นเอง ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองเท่านั้น ว่าจะสามารถนำความรู้นั้นออกมามาใช้ประโยชน์ต่อตัวเองและสร้างสรรค์สังคมและโลกใบนี้ได้มากน้อยเพียงใด หรือนำออกมาใช้ในลักษณะใด แต่ผู้คนส่วนมากในโลกใบนี้กลับ ไม่รู้จักคุณค่าและศักยภาพที่ยิ่งใหญ่เหลือคนานับ ในตัวตนของเขา เขาจึงกลายเป็นผู้ทำลายโลกใบนี้ โดยไม่รู้ตัว... อยู่ทุกวินาที..ที่ผ่านไป..
By : B-POWER SYSTEM
รวมหนังสือพิมพ์
,ไทยรัฐ , เดลินิวส์ ,
สำนักข่าวINN , ไทยโพสต์ , มติชน
,
ข่าวสด , คมชัดลึก
,
ผู้จัดการ , สยามกีฬา , โพสต์ทูเดย์,
แนวหน้า , สยามรัฐ ,
BangkokPost , เนชั่น
,
สยามธุรกิจ , กระแสหุ้น ,
บ้านเมือง , เทเลคอมเจอร์นัล , immjernal
